Xiaomi Mi 10T Pro สมาร์ตโฟนสเปคระดับเรือธงที่เปิดราคามาเพียงหมื่นนิดๆ ทำให้กลายเป็นที่สนใจจนตอนที่เปิดตัวนั้นถึงกับมีของส่งมอบไม่พอกันเลยทีเดียว ด้วยการมาพร้อมหน่วยประมวลผล Snapdragon 865 ตัวแรงและหน้าจอ Refresh Rate สูง 144Hz คงไม่ต้องกังวลถึงเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน แต่กล้องที่ให้มาล่ะดีสมกับคำว่าเรือธงจริงมั้ย
สำหรับกล้องของ Xiaomi Mi 10T Pro นั้นมาพร้อมกล้องหลังสามตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108MP f/1.7 (26 มม.)
- กล้อง Ultra Wide 13MP f/2.4 (123 องศา)
- กล้อง Macro 5MP f/2.4
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเครื่องจะไม่มีเลนส์ Telephoto มาให้แต่ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงการถ่ายภาพระยะไกลจึงสามารถใช้การ Crop Sensor แทนทำให้เสียรายละเอียดไปค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามแนะนำให้ถ่ายภาพความละเอียดสูงละค่อยมา Crop เองทีหลังจะดีกว่า
ส่วนโหมดการถ่ายรูปของตัวเครื่องนั้นประกอบด้วย
- Photo (หรือ Auto Mode ถ่ายที่ความละเอียด 27MP เลือกได้ว่าจะเปิด AI/HDR หรือไม่)
- 108MP
- Portrait (เป็นการใช้เลนส์หลักถ่ายภาพแบบชัดตื้นหรือหน้าชัดหลังเบลอ)
- Night (ถ่ายภาพกลางคืนหรือสภาวะแสงน้อยด้วยการเปิดหน้าเลนส์กล้องที่นานขึ้นในการเก็บแสงและถ่ายหลายภาพมาซ้อนกัน)
- Panorama
- Pro (สำหรับคนที่อยากตั้งค่าการถ่ายภาพเอง โดยสามารถตั้งค่าได้ตั้งแต่ White Balance, ระยะโฟกัส, Speed Shutter (1/1000s - 32s), ISO (100-3200))
- อื่นๆ ได้ก่ Documents/Time-lapse/Slow-motion/Long-Exposure/VLOG
ก่อนไปดูผลลัพธ์ของภาพถ่ายที่ได้ขอบอกก่อนว่าภาพทั้งหมดมิได้มีการปรับแต่งใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อให้เห็นภาพว่า Mi 10T Pro นั้นสามารถถ่ายภาพออกมาได้เป็นเช่นไร และภาพส่วนมากจะใช้งานโหมดอัตโนมัติเพื่อคงคอนเซปท์ของมือถือว่ามันต้อง Point'n Shoot คือหยิบขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพเพื่อความสะดวกทันใจนั่นเอง และอาจมีบางภาพที่ใช้งาน Night Mode เพื่อเก็บรายละเอียดของภาพยามแสงน้อยโดยเทียบกับ Auto Mode ให้เห็น
ภาพถ่ายวิว/Landscape
สำหรับการถ่ายภาพตอนแสงมากพอ อาทิเช่นตอนกลางวันนี่ต้องบอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วงสำหรับสมาร์ตโฟนยุคปัจจุบัน แต่จะเห็นว่าภาพที่ Mi 10T Pro ถ่ายออกมานั้นจะเน้นเก็บรายละเอียดและให้สีสันที่ค่อนข้างสดกว่าความจริงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก ทั้งนี้การถ่ายภาพในที่แสงเงาแตกต่างจัดๆ HDR ก็ทำการประมวลรายละเอียดทั้งสองส่วนออกมาได้ดีเลย
เซ็ตด้านบนถ่ายตั้งแต่ระยะ 1x, 2x, 10x, 30x แม้ตัวเครื่องจะไม่มีเลนส์ Telephoto แต่ด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ความละเอียดสูงจึงใช้การ Crop Sensor แทนซึ่งทำให้สามารถถ่ายภาพได้ไกลสุดถึง 30x แต่ถ้าจะใช้งานแบบหวังผลจริงๆ แสงต้องมากพอและไม่ควรเกิน 10x
ลองถ่ายภาพตอนกลางคืนเทียบกันระหว่าง Auto (ภาพบน) vs Night (ภาพล่าง) บ้าง เห็นได้ชัดว่าแม้โหมด Auto จะให้ผลลัพธ์ภาพที่ถือว่าดีแล้ว แต่พอเปิด Night การเก็บรายละเอียดจะครบถ้วนและคมชัดกว่า ไม่เชื่อลองซูมทะเบียนรถกระบะในภาพแรกเทียบกันดู หรือสังเกตในจุดที่มีความสว่างมากกว่าปกติในภาพ เช่น ไฟหน้ารถยนต์ หรือ ไฟจากห้องในภาพสุดท้าย
การถ่ายภาพอาหารนั้นทำได้ดีมาก ด้วยความที่กล้องสามารถจับ White Balance ได้แม่นยำทำให้สีสันของตัวอาหารถูกต้อง และให้สีที่สดกว่าความจริงเล็กน้อยแต่ไม่มากเกินจึงทำให้ดูน่ารับประทานมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามถ้าสายแต่งภาพอาจจะเซ็งๆ ตรงนี้นิดหน่อย ทั้งนี้สังเกตเห็นว่าด้วยเซ็นเซอร์กล้องหลักขนาดใหญ่นั้นทำให้สามารถละลายฉากหลังทิ้งได้ประมาณนึงโดยไม่จำเป็นต้องใช้โหมด Portrait ในการถ่ายอาหารให้หน้าชัดหลังเบลอเลย แถมได้ความชัดตื้นแบบธรรมชาติอีกด้วย ถ้าไม่ได้ใส่ลายน้ำละเอาลง Social Network นี่บางทีก็แยกไม่ออกหรอกว่ามันมาจากกล้องมือถือ
สำหรับการถ่ายภาพบุคคลนั้นบนตัวเครื่องจะมีโหมด Portrait มาให้ใช้งาน โดยใช้กล้องหลักในการถ่าย
ภาพบนถ่ายด้วย Portrait ส่วนภาพล่างใช้โหมด Auto ไม่ได้เปิดบิวตี้อะไรเพื่อจะดูว่าการเก็บ Skin tone นั้นเป็นแนวไหน ผลที่ได้ก็ให้ Skin Tone สวยงามตามผิวแบบพอดี ส่วนระดับความลึกชัดตื้นในการใช้โหมด Portrait ถ้าไม่ปรับจนเวอร์ก็เนียนตาจนแยกยาก แม้จะมีเส้นผมหลุดไปบ้างก็ตาม